Stem Cell คืออะไร?

Stem cell (เซลล์ต้นกำเนิด) ช่วยลดริ้วรอย ชะลอความชราได้จริงหรือ

Stem cell หรือเซลล์ต้นกำเนิดทุกชนิดจะมีลักษณะพิเศษที่สำคัญ 3 ประการ คือ
1. สามารถแบ่งตัวเองขึ้นมาใหม่ได้เป็นเวลานาน
2. เป็นเซลล์ที่ไม่ได้ทำหน้าที่เฉพาะเจาะจง
3. มีความสามารถในการเปลี่ยนไปเป็นเซลล์ที่ทำหน้าที่เฉพาะเจาะจงได้

หลักการทำงานของ Stem cell ก็คือ ในร่างกายมนุษย์จะมีเซลล์ทั้งสิ้น 100 ล้านล้านเซลล์ แบ่งเป็นเซลล์ชนิดต่างๆ 220 ชนิด โดยจะมีทั้งที่ตายไปและสร้างขึ้นใหม่ตามหลักอนิจจังอยู่เสมอๆ ซึ่งปกติร่างกายคนเราก็มี ‘Stem cell’ หรือ ‘เซลล์ต้นกำเนิด’ อยู่แล้ว แต่เมื่อเกิดพยาธิสภาพขึ้นก็จะทำให้สเต็มเซลล์ไม่สามารถทำงานได้

เมื่อในร่างกายมนุษย์มี สเต็มเซลล์หรือเซลล์ต้นกำเนิดที่พร้อมทำหน้าที่อย่างใด อย่างหนึ่งแต่ยังมีน้อยมาก จึงจำเป็นต้องเพิ่มจำนวนสเต็มเซลล์ หรือเซลล์ต้นกำเนิดเหล่านั้น เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ โดยเอาเซลล์อ่อนที่ถูกคัดเลือก พร้อมทั้งเพิ่มจำนวนแล้วฉีดกลับเข้าไปยัง อวัยวะส่วนที่ต้องการรักษา เพื่อให้เห็นภาพ ขอยกตัวอย่างนะครับ เช่น เซลไขกระดูกที่สร้างเม็ดเลือดแดง เกิดเป็นมะเร็งขึ้นมา เราก็มีการใช้ chemotherapy เพื่อฆ่าเซลไขกระดูกที่เป็นมะเร็ง หลังจากนั้นมีการเอาเซลไขกระดูกดีๆ ที่ไม่เป็นมะเร็ง ใส่เข้าไปแทนไขกระดูกเดิม ถ้าเซลเข้ากันได้กับร่างกาย การรักษาก็จะได้ผล ไม่มีการปฏิเสธเซลใหม่ที่ใส่เข้าไป ก็ช่วยให้ผู้ป่วยมีชีวิตอยู่ได้ เห็นประโยชน์ของ stem cell แล้วใช่ไหมครับ

การวิจัย Stem Cell

การวิจัยในปัจจุบันมีอยู่ 2 แบบหลักๆ ด้วยกันคือ สเต็มเซลล์จากตัวอ่อนมนุษย์ (Embryonic Stem Cell) และ สเต็มเซลล์เต็มวัย (Adult Stem Cell)

ปัจจุบัน ประเทศไทยได้มีการวิจัย สเต็มเซลล์ ในส่วนเซลล์เต็มวัย (Adult stem cell) อย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะส่วนที่ได้จากไขกระดูกและสายสะดือเด็กหลังคลอด ซึ่งสามารถนำมารักษาโรคต่างๆ อาทิ มะเร็งเม็ดเลือด หลอดเลือดหัวใจตีบตันเบาหวาน ธาลัสซีเมีย ปัจจุบันได้มีการรักษาไปแล้วประมาณ 1,000 ราย

ทางด้านความสวยงามเองก็มีการใช้ stem cell เช่นเดียวกัน โดยใช้หลักการเบื้องต้นใช้ stem cell ของตัวเองไปเพาะเลี้ยงภายนอกให้เพิ่มจำนวนมากขึ้น แล้วนำกลับเข้ามาสู่ร่างกาย โดยวิธีการฉีดแต่วิธีนี้ยังไม่ผ่านการยอมรับจาก อย. ประเทศไทย อาจเคยได้ยินว่ามีผู้ไปใช้บริการเทคนิคนี้ที่ต่างประเทศกันมาบ้างใช่ไหมครับ

นอกเหนือจากการฉีด stem cell ก็มีการค้นพบครั้งสำคัญซึ่งปราศจากการฉีดของ Prof. Alexis Carrel ผู้ได้รับรางวัลโนเบล และ Dr. Niehans นายแพทย์ชาวสวิตเซอร์แลนด์ นับเป็นจุดเริ่มต้นของการสรรสร้างทฤษฎีที่เชื่อว่า “เซลล์ต้นกำเนิด หรือ Stem Cells” เมื่อสัมผัสกันเซลล์ผิวของมนุษย์จะสามารถเหนี่ยวนำเซลล์ผิวให้แปรสภาพกลับมาเป็นเซลล์ผิวที่อ่อนเยาว์ได้อีกครั้ง ด้วยการถ่ายทอดข้อมูลทางพันธุกรรมผ่านรหัสพันธุกรรมที่เรียกกว่า DNA

นิยมใช้ทาหรือใช้ร่วมกับเครื่องมือช่วยผลักยาให้เข้าสู่ผิวหนัง ส่วนมากเป็น stem cell ของสัตว์เช่น วัว ลิง ที่น่าสนใจล่าสุดเป็น stem cell จากพืช เช่น แอปเปิ้ล แต่ไม่นิยมใช้ stem cell ของมนุษย์นะคะ เพราะผิดในด้านจริยธรรม และไม่มีความจำเป็นที่เข้ากันได้ดีเหมือนแบบฉีดซึ่งใช้รักษาโรคร้ายแรง ในด้านความสวยงามแบบพอเพียงคงตอบได้ทุกคำถามว่าคุณจะเลือกทาเวชสำอางที่มีส่วน ประกอบของ stem cell แบบไหน เพราะ stem cell ไม่ว่าจากแหล่งกำเนิดใด ราคาสูงลิบลิ่ว โดยเฉพาะบางยี่ห้อทำแบบเทคนิคพิเศษ ผ่าน US FDA รับรองด้านความปลอดภัย มีงานวิจัยจาก Cryogenics Division, LLC DNA Health Institute ประเทศสหรัฐอเมริกา มาการันตี

ซึ่งข้อจำกัดทั้งหมดทั้งเรื่องการใช้สารสกัดจาก Stem Cell มนุษย์, การผ่านการรับรองจาก US FDA ไม่ต้องฉีด แค่ทา และที่สำคัญราคาไม่แพงเลยเมื่อเทียบกับประสิทธิภาพของมัน ทุกอย่างมันถูกบรรจุอยู่ใน LUMINESCE™ เซลลูลาร์ รีจูวีเนชั่น เซรั่ม

อยากศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเข้าไปได้ที่
http://www.phisits5.jeunesseglobal.com/ หรือเข้าไปที่ Facebook
http://www.facebook.com/phisit.growthfactors

บทความหน้าเราจะมาพูดกันต่อเรื่อง Stem Cell
ขอบคุณครับ

ใส่ความเห็น